วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

สรุปงานวิจัยสื่อ ประเภท สื่อกิจกรรม

สื่อการเล่านิทาน
1.              ความหมายของการสื่อการเล่านิทาน
               สื่อการเล่านิทาน หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์และวิธีการที่ครูนำมาเป็นตัวกลางถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ อารมณ์ ความรู้สึก ประสบการณ์ ทัศนคติและค่านิยมที่เหมาะสมสำหรับเด็กมาใช้เล่านิทาน เพื่อช่วยให้เด็กปรับตัวและเตรียมรับสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน
               สื่อการเล่านิทานสามารถสร้างสรรค์ได้หลายรูปแบบและวิธีการ เด็กๆ โปรดปรานการฟังนิทานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สื่อการเล่านิทานยังสามารถช่วยดึงดูดเรียกร้องความสนใจเด็กๆ ได้เป็นพิเศษเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนั้นสื่อการเล่านิทานสำหรับเด็กปฐมวัยยังครอบคลุมวัสดุ อุปกรณ์และวิธีการที่ครูควรส่งเสริมให้เด็กๆ ใช้เพื่อเล่านิทานให้เพื่อนๆ ชมและฟังบ้าง เนื่องด้วยเด็กมีจินตนาการและมโนภาพสูงมากอยู่แล้ว เด็กสามารถจะช่วยกันใช้สื่อเล่านิทานใหม่ๆ แปลกๆ  ขึ้นเองบางโอกาส ครูควรส่งเสริม สนับสนุนและเป็นที่ปรึกษาให้เด็กแสดงบทบาทสมมุติเลียนแบบเรื่องราวในนิทานที่เคยชมและฟังไปแล้ว

ความหมายของการเล่านิทาน
                การ เล่านิทาน หมายถึง การพูดเล่าเรื่องราวในนิทาน โดยจะเล่าปากเปล่า หรือใช้ภาพในหนังสือประกอบการเล่าก็ได้ คำพูดจะไม่ตรงกับข้อความในหนังสือ แม้ว่าอาจจะมีบางส่วนเหมือนกันหรือคล้าย ๆ กัน และเหตุการณ์ที่เล่านั้นตรงกับในหนังสือ การเล่านิทานมีจุดมุ่งหมายเพื่อสอน ให้แนวคิด แฝงคติเตือนใจ มุ่งให้ปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างและเพิ่มพูนประสบการณ์ช่วยให้เด็กปรับตัว และเตรียมรับสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน



  
2.              ลักษณะเฉพาะของสื่อการเล่านิทาน
เป็นการสอนที่ใช้จินตนาการของเด็กเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การเรียนการสอนบรรลุตามวัตถุประสงค์เพราะเด็กเป็นวัยที่มากด้วยโลกของจินตนาการอันกว้างไกล ผู้ใหญ่มักจะเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตื่นเต้น เรื่องสนุกสนาน เรื่องเศร้าโศกเสียใจ เรื่องราวสะเทือนขวัญ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตหรือสิ่งแวดล้อม เราจึงควรทำความเข้าใจกับการจินตนาการของเด็ก เพื่อจะสามารถเล่าหรือแต่งนิทานเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ อย่างสอดคล้องกับจินตนาการและความต้องการของเด็ก

3.              ข้อบ่งใช้ วิธีการใช้สื่อ การเล่านิทาน
 1. เล่าปากเปล่า
 2. เล่าโดยใช้หนังสือประกอบ
 3. เล่าโดยใช้ภาพประกอบ
 4. เล่าโดยใช้สื่อใกล้ตัว 
 5. เล่าโดยใช้ศิลปะเข้าช่วย
 1. เล่าปากเปล่า   ผู้เล่าต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ เพราะจุดสนใจของเด็กที่กำลังฟังนิทานจะอยู่ที่ผู้เล่าเท่านั้น วิธีเตรียมตัวในการเล่านิทานมีดังนี้
          1.1 เตรียมตัวด้านเนื้อหาของนิทาน 
                    - อ่านนิทานที่จะเล่าและทำความเข้าใจกับนิทานเสียก่อน
                    - จับประเด็นนิทานให้ได้ว่า นิทานที่จะเล่าให้อะไรแก่เด็กที่ฟัง
                    - แบ่งขั้นตอนของนิทานให้ดี
                    - การนำเสนอขั้นตอนของนิทานในขณะที่เล่า ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับที่อ่านเสมอไป
                    - เพิ่มหรือลดตัวละครเพื่อความเหมาะสมในการเล่า ที่สำคัญผู้เล่าต้องสามารถปรับนิทานให้สอดคล้องกับความสนใจของเด็กได้ด้วย เพราะถ้าเห็นว่าเด็กกำลังสนุกสนานก็เพิ่มเนื้อหาเข้าไปได้ 
         1.2 น้ำเสียงที่จะเล่า 
                                 
ผู้เล่าต้องมีน้ำเสียงที่น่าฟัง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเสียงที่ไพเราะ และที่สำคัญที่สุดคือการเว้นจังหวะ การเน้นเสียงให้ดูน่าสนใจ ไม่ควรให้น้ำเสียงราบเรียบมากเกินไป เสียงเบา-เสียงหนัก พูดเร็ว-พูดช้า ก็เป็นการบ่งบอกอารมณ์ของนิทานได้เช่นกัน

         1.3 บุคลิกของผู้เล่านิทานต่อหน้าเด็กจำนวนมาก 
               ต้องมีบุคลิกที่น่าสนใจสำหรับเด็กคือ
                      - ไม่นิ่งจนเกินไป
                      - ไม่หลุกหลิกจนเกินไป
                      - ต้องมีการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมกับเนื้อหาของนิทาน
                      - มีการแสดงท่าทางที่เหมาะสมกับเนื้อหาของนิทานอย่างพอเหมาะพอเจาะ
                      - มีท่าที่ผ่อนคลายและดูเป็นกันเองกับเด็กๆ 


         1.4 เสื้อผ้าที่สวมใส่ 
  ต้องเป็นเสื้อผ้าที่มั่นใจในการเคลื่อนไหว 
         1.5 บรรยากาศในการฟังนิทาน
ต้องไม่วุ่นวายจนเกินไป อยู่ในสถานที่ที่สามารถสร้างสมาธิสำหรับคนฟังและคนเล่าได้เป็นอย่างดี
              2. เล่าโดยใช้หนังสือประกอบการเล่า การใช้หนังสือประกอบการเล่านี้ หมายถึงการใช้หนังสือที่มีภาพประกอบ ผู้ที่จะใช้หนังสือภาพต้องมีการเตรียมตัวดังนี้ 
                           2.1 อ่านนิทานให้ขึ้นใจ เวลาเล่าจะได้เปิดหนังสือภาพให้สัมพันธ์กับเรื่องที่เล่า
                           2.2 ศึกษาความหมายของสีที่ใช้ประกอบภาพ เพราะหนังสือสำหรับเด็กมักจะใช้สีเป็นสื่ออารมณ์ของเรื่องด้วย
                           2.3 ศึกษาภาพประกอบที่เป็นปกหน้าปกหลัง เพราะบางเรื่องตอนเริ่มเรื่องอยู่ที่หน้าปก และตอนจบอยู่ที่ปกหลังก็มี
                           2.4 การถือหนังสือ ต้องอยู่ในตำแหน่งที่ผู้ฟังสามารถมองเห็นภาพประกอบได้อย่างทั่วถึง ถ้าผู้ฟังนั่งเป็นรูปครึ่งวงกลม ต้องมีการยกภาพให้มองเห็นทั่วทั้งหมด   การจัดที่นั่งให้เป็นกลุ่มเดียว จะทำให้ผู้เล่าสามารถยกภาพให้ดูในตำแหน่งเดียวและครั้งเดียวได้เลย เพราะผู้ฟังสามารถมองเห็นภาพได้พร้อมกันหมด
                           2.5 นิ้วมือต้องสอดเตรียมพร้อมที่จะเปิดหน้าต่อไป 
การใช้หนังสือประกอบการเล่านิทาน ไม่จำเป็นต้องถือหนังสืออยู่นิ่งตลอดเวลา อาจจะโยกหนังสือหรือขยับหนังสือตามเหตุการณ์ในนิทานก็ได้  เมื่อผู้เล่ากำลังเล่านิทานกระต่ายกับเต่า ตอนที่พูดถึงกระต่ายวิ่งก็ควรขยับหนังสือให้เหมือนกับกระต่ายวิ่งหรือกระโด พอพูดถึงเต่าคลานก็ใช้นิ้วไต่บนหนังสือแสดงการเดินช้าๆ ของเต่า เป็นต้น

  
                 
  3. เล่าโดยใช้ภาพประกอบ   ภาพประกอบที่ใช้ในการเล่านิทานนี้ ไม่ใช่ภาพประกอบจากหนังสือนิทาน เราอาจเปิดภาพจากหนังสือให้เด็กดูพร้อมกับเล่าหรืออ่านก็ได้

    4. เล่าโดยใช้สื่อใกล้ตัวหรืออุปกรณ์ประกอบการเล่า
             4.1 การเล่าโดยใช้สื่อใกล้ตัว 
สื่อใกล้ตัวในที่นี้หมายถึง สื่อหรืออุปกรณ์ประกอบการเล่านิทาน
             4.2 กานเล่านิทานโดยใช้อุปกรณ์ประกอบ   
ผู้เล่านิทานสามารถนำเอาวัสดุมาสร้างสรรค์ สร้างสื่อหรือหรือผู้เล่าจัดหาสื่อสำเร็จมาประกอบการเล่า เกิดเป็นนิทานเล่าประกอบสื่อ การเล่านิทานโดยมีอุปกรณ์ประกอบจะมีทั้งน้ำเสียงของผู้เล่า ลีลา ท่าทางของผู้เล่า และสื่อประกอบการเล่า สื่อที่ใช้ประกอบการเล่านิทานมีหลากหลาย เช่น

1. การเล่านิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษ   นิทานหุ่นกระดาษ หมายถึง นิทานที่เล่าประกอบสื่อที่จัดสร้างขึ้น โดยสร้างสรรค์จากกระดาษแล้วระบายสี ทั้งฉากและตัวละครหุ่นกระดาษของเรื่องที่ผู้เล่าเลือกนำมาเล่าแก่ผู้ฟัง
                               

2. การเล่านิทานประกอบสื่อนิทานเชือก  เป็นนิทานที่ผู้เล่าจะเล่าแบบปากเปล่า  กับการสร้างสรรค์เชือกให้มีความสัมพันธ์กับการเล่าอย่างต่อเนื่อง ผู้ดูหรือผู้ฟังจะตื่นเต้นกับการสร้างสรรค์เชือกจากผู้เล่าเป็นรูปร่างต่างๆ ประกอบกับการเล่าเรื่อง
                              

 3. นิทานพับกระดาษและฉีกกระดาษ  เป็นนิทานที่ผู้เล่าจะต้องเล่านิทานพร้อมๆกับการพับกระดาษและฉีกกระดาษ การเล่าและการพับกระดาษฉีกกระดาษจะต้องพอดีกับเหตุการณ์ๆหรือสัมพันธ์กันอย่างพอดีพอเหมาะตลอดทั้งเรื่อง
                 การเล่านิทานทั้งหมดนั้นจะน่าสนใจหรือไม่ อยู่ที่วิธีการเล่า น้ำเสียง การเว้นจังหวะและระยะเวลาในการนำเสนอนิทานของผู้เล่า วิธีการดังที่กล่าวมาไม่ใช่วิธีการที่มีอยู่ทั้งหมด ผู้เล่านิทานบางคนอาจมีวิธีการนำเสนอนิทานที่น่าสนใจได้หลายรูปแบบ ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า ผู้เล่านั้นเป็น"นักเล่านิทานที่มีหัวใจเด็ก"หรือเปล่า เท่านั้นเอง



4.              ผลที่เกิดกับผู้ใช้สื่อ
-                   ช่วยให้ประหยัดวัสดุ อุปกรณ์อื่นๆ เพราะไม่ต้องใช้ก็ทำการเรียนการสอนได้
-                   สะดวกต่อการเรียนการสอนเพราะสามารถดึงความสนใจของเด็กได้
-                   ครูต้องเข้าใจจินตนาการของเด็กให้มากที่สุดเพื่อง่ายต่อการเรียนการสอนและการรับรู้ของเด็ก
-                   ช่วยให้ผู้สอนใกล้ชิดกับผู้เรียนมากขึ้น
5.              ผลที่เกิดกับผู้เรียน
การ เล่านิทาน ช่วยให้เด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ ได้เข้าใจเรื่องราว เป็นการขยายประสบการณ์ของเด็กเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ รอบตัวเขา และช่วยให้เด็กมีคำศัพท์และสำนวนต่าง ๆ มากขึ้น การ เล่านิทาน ยังเป็นการช่วยย่อยเรื่องยาก ๆ หรือภาษายาก ๆ ในหนังสือนิทานหลาย ๆ เล่มให้เด็กเล็ก ๆ ซึ่งยังมีความจำกัดทางด้านภาษา สามารถเข้าใจเรื่องนั้นได้ โดยการใช้คำง่าย ๆ ประโยคสั้น ๆ แทน การฟังครู เล่านิทาน จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาทักษะการฟังและการพูด รวมทั้งทักษะการคิดหลาย ๆ ด้าน
















เอกสารอ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น